ภาษาฝรั่งเศสนั้นได้เข้ามาในประเทศไทยมากกว่า 300 ปีแล้ว ย้อนกลับไปในช่วงสมัยกรุงศรีอยุธยา ในช่วงปี 2227 – 2228 สมเด็จพระนารายณ์ได้ทำการส่งคณะทูตออกไปทำการเจริญสัมพันธ์ทางไมตรีกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และทางฝรั่งเศสเองก็ได้ทำการส่ง เชอวาลิเอ เดอ โชมองต์มาเจริญสัมพันธไมตรีด้วย และนั้นคือจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างไทยและฝรั่งเศสเป็นต้นมา และคำหลายคำที่เราใช้กันนั้นก็มาจากภาษาฝรั่งเศสด้วยเช่นกัน เช่นคำว่า กงสุล ที่มาจากคำว่า Consul ที่แปลว่า พนักงานผู้ซึ่งดูแลผลประโยชน์ของรัฐบาลนั้นเอง
สาเหตุที่ภาษาฝรั่งเศสนั้นเป็นที่นิยมเป็นเพราะว่า เป็นภาษาราชการที่ใช้กันทั่วทั้ง 5 ทวีป กว่า 29 ประเทศ หรือผู้ใช้ราวๆ 300 ล้าน คนจากทั่วโลกเลยทีเดียว โดยแบ่งเป็นคนที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาแม่ 110 ล้านคนโดยประมาณ และคนที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาที่ 2 เกือบ 190 ล้านคนเลย และยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าภายในปี 2025 อาจจะมีประชากรโลกที่สามารถพูดภาษาฝรั่งเศสได้เพิ่มขึ้นถึง 500 ล้านคนเลยทีเดียว ไม่แปลกใจแล้วใช่ไหมว่าทำไม่ภาษาฝรั่งเศสนั้นจึงเป็นที่นิยม เพราะเริ่มมีการใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้นนั้นเอง ไม่เว้นแม้แต่องค์กรระดับโลก อย่าง องค์การสหประชาชาติ สหภาพยุโรป องค์การยูเนสโก องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ คณะกรรมการโอลิมปิกโลก คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เป็นต้น นับได้ว่าเป็นภาษาที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลเลยทีเดียว
ประเทศฝรั่งเศสนั้นเป็นที่ยอมรับได้เลยว่าเป็นต้นกำเนิดของวัฒนธรรมหลายๆ อย่าง ซึ่งมีอิทธิพลกับงานในหลายๆ แขนง ไม่ว่าจะเป็น แฟชั่น ศาสตร์ในเรื่องของอาหาร ไวน์ ศิลปะต่างๆ สถาปัตยกรรม รวมไปถึงวิทยาศาสตร์ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และยังจะสามารถที่จะเห็นนักปรัชญาผู้ซึ่งมีชื่อเสียงหลายๆ คนนั้น ล้วนเป็นคนฝรั่งเศสทั้งนั้น
ภาษาฝรั่งเศสนั้นถือเป็นภาษาพื้นฐานของอีกหลากหลายภาษา ไม่ว่าจะเป็น ภาษาสเปน ภาษาอิตาลี ภาษาโปรตุเกส ภาษาอังกฤษ สำหรับในภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสนั้น ในสองภาษานี้สำหรับคนที่คิดจะศึกษาเพิ่มในเรื่องของภาษา สองภาษานี้นับได้ว่าสามารถที่จะส่งเสริมกันได้อย่างดีมากๆ เลยทีเดียว เพราะนอกจากจะมีพยัญชนะที่เหมือนกันแล้ว ยังจะมีสระที่เหมือนกันนั้นคือ a e I o u แต่ในภาษาฝรั่งเศสนั้นจะมีการเพิ่มสระขึ้นมาอีก 1 ตัวนั้นก็คือ y จะเป็นสระ อี ถ้าหากทำการสังเกตจะเห็นได้ว่ามีหลายคำในภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส ที่มีคำหลายๆ คำเหมือนกัน บางคำก็เขียนเหมือนกันเป๊ะ รวมถึงโครงสร้างประโยคที่ยังคล้ายคลึงกันอีกด้วย นั้นก็เป็นเพราะภาษาอังกฤษนั้นได้อิทธิพลมาจากภาษาฝรั่งเศสนั้นเอง เรียกได้ว่ากว่าครึ่งหนึ่งของภาษาอังกฤษนั้นมาจากภาษาฝรั่งเศสก็ยังได้
ภาษาฝรั่งเศสในเรื่องของการออกเสียงนั้นเรียกได้ว่ามีความไพเราะและมีเสน่ห์มากๆ เลยทีเดียว หลายคนถึงกับขนานนามให้ว่าเป็นภาษาที่โรแมนติกที่สุดเลยก็ว่าได้ ในภาษาฝรั่งเศสจะมีการจัดระเบียบ และ ชัดเจนในเรื่องของคำเชื่อม ตรงไหนที่เชื่อมได้และตรงไหนที่ห้ามเชื่อม หากเชื่อมประโยคผิด จะพูดแล้วเหมือนคนลิ้นไก่สั้นเลยทีเดียว แสดงให้เห็นว่าคนที่คิดค้นภาษานี้ขึ้นมามีความละเอียดอ่อน เพราะจัดระเบียบการใช้คำมาได้เป็นอย่างดี
การที่เลือกเรียนภาษาฝรั่งเศสนั้นนอกจากที่จะมีโอกาสทางการศึกษาที่เพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังจะมีโอกาสในการทำงานที่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ในเรื่องของการศึกษานั้นสำหรับนักเรียนที่สำเร็จหลักสูตรการศึกษาจากหลักสูตรต่างๆ ของประเทศฝรั่งเศสนั้น ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็เป็นที่ยอมรับจากองค์กรต่างๆ ทั่วโลก นอกจากนี้หากมีความรู้และใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นนั้นในเรื่องของหน้าที่การเอง ก็สามารถที่จะโกอินเตอร์ไปในประเทศต่างๆ ได้เลย เพราะก็มีหลายๆ ประเทศนอกจากฝรั่งเศษที่นิยมใช้ภาษาฝรั่งเศสกัน